วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

L จาก Death note นักสืบที่เหนือกว่า โคนัน (อย่างน้อยก็สูงกว่า)

L จาก Death note นักสืบที่เหนือกว่า โคนัน (อย่างน้อยก็สูงกว่า)
ตัวละครที่ผมจะนำมาแนะนำในครั้งนี้นั้น หลังจากผมได้นั่งคิด ยืนคิด และก็นอนคิดมาแล้ว ผมก็ตัดสินใจเลือกตัวละครตัวนี้มาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักตัวละครตัวนี้มีชื่อว่า L มาจาก Death note 1ในการ์ตูนที่ดังมากจนมีการนำมาทำเป็นหนังหลายภาคแล้วL มีชื่อจริงคือ... อ่อ บอกไม่ได้ เดี๋ยวโดนคิระฆ่า เอาเป็นว่า L เป็นนักสืบซึ่งมีหน้าที่ ในการสืบสวนหาตัวคิระหรือฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าพวกนักโทษที่มีความผิดในคดีต่างๆทั้งหลาย โดย L นั้นเริ่มสืบสวนและสามารถแก้ปริศนาต่างๆได้เช่น วิธีการฆ่าคือต้องเคยเห็นหน้าและต้องมีชื่อจริงของคนๆนั้นอยู่ จากนั้นก็เขียนลงไปในDeath note ที่ยมทูตเอามาให้ แค่นี้ครับ คนที่ถูกเขียนชื่อก็ตายอย่างไม่สามารถต่อต้านได้ หรือ สามารถรู้ถึงที่อยู่ของคิระ นั่นทำให้ผมคิดว่า L นั้นมีความสามารถมากกว่า โคนัน ของคุณ rachgot อยู่มาก ถ้าให้โคนันมาสืบสวนก็คงสู้ไม่ได้ เพราะก่อนที่โคนันจะเตะอะไรอัดคิระก็คงโดนฆ่าตายไปก่อนแล้ว นอกจากนั้นผมยังคิดว่า L นั้นดูดีกว่ามาก ... มั้ง ก็ดูจากท่านั่งอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาได้เท่จริงๆ พับผ่าสิ อ่อ เล่าต่อ L กับ คิระ หรือ ยางามิ ไลท์นั้น ต้องต่อสู้กัน ใช้มันสมองอันเป็นอัจฉริยะของทั้งคู่เข้าเผชิญหน้า หักเหลี่ยม เฉือนคมกัน ซึ่งเป็นการ์ตูนที่หาได้ยาก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการ์ตูนที่ต่อสู้กันโดยใช้กำลังเช่น Bleach หรือ One piece นั้นเอง แต่การต่อสู้ครั้งนี้ L ก็ได้พ่ายแพ้ให้กับยางามิ ไลท์หรือ คิระซึ่งเป็นพระเอกที่ดูเหมือนจะเป็นตัวร้ายในสายตาคนหลายๆคน L แพ้และก็ได้ถูกฆ่าตายไป ต่อจากนั้นก็มี NและM มาสานต่อในการไล่จับคิระ แต่ผมคงไม่เล่าต่อแล้ว เพราะ L ตายไปแล้ว ถ้าใครอยากรู้ก็ไปอ่านในการ์ตูนเอาเองก็แล้วกัน ออกมาจนจบแล้ว ลาละครับ ต้องรีบเอาแอปเปิ้ลไปให้ลุคกิน เดี๋ยวมันลงแดงขึ้นมาจะแย่

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

บล็อกอื่น

นอกจากใน บล็อกส่วนตัวของผมแล้วนั้น ผมก็ยังเป็นคนเขียนเกี่ยวกับการ์ตูนที่บล็อกอีกบล็อกหนึ่ง นั่นคือ บล็อก ourjabs.blogspot.com ซึ่งเป็นบล็อกเรื่องราวเกี่ยวกับการ์ตูน ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการ์ตูน บล็อกนี้นั้น เป็นบล็อกเกี่ยวกับการบันเทิง ความรู้ ได้อ่านการ์ตูนสนุกๆที่แต่งขึ้นพร้อมกับเพื่อนอีกหลายๆคน
ก็อยากให้ทุกคนลองเข้าไปดูด้วยนะครับ

เรื่องสั้น

คุณเชื่อเรื่องสวรรค์กับนรกมั้ย ครับ วันนี้ผมจะไม่พูดถึงสวรรค์หรอก แต่ผมจะพูดถึงนรกแทนกับเรื่องสั้นที่ผมแต่งขึ้นเอง

ในปัจจุบันนี้นั้น คนเราได้ทำความชั่วกันมาก ในขณะที่ผู้คนที่ทำความดีนั้น ลดลงอย่างรวดเร็ว แต่คนที่ทำความชั่วนั้น กลับมากขึ้นเป็นเลขยกกำลัง
สิ่งนี้ทำให้เกิดปัญหา นั่นก็คือ
นรกกำลังจะเต็ม
สิ่งนี้เป็นปัญหามาก ในขณะที่นรกกำลังจะเต็มแต่กลับมีคนที่ทำความชั่วแล้วต้องตกนรกอยู่เป็นจำนวนมาก นั่นทำให้เหล่ายมทูต ผู้ดูแลนรกปวดหัวมาก
ในที่สุดก็เหลือที่นั่งสุดท้ายสำหรับนรก
เหล่ายมทูตทั้งหมดจึงปรึกษากันถึงวิธีการแก้ปัญหา
สุดท้าย ทั้งหมดจึงตัดสินใจให้แต่ละคนมาบอกความผิดที่ตนเองได้ทำเอาไว้ ใครทำผิดมากสุด ใครทำชั่วมากสุด ก็จะได้ตีตั๋วใบสุดท้ายไปนรก (ใครมันจาอยากไปนะ)
หลังจากผ่าน ผู้คนที่ทำความชั่วมามากมาย เช่น คนค้ายาบ้า คนที่ทุจริต โกงกินประเทศชาติ คนที่ทำร้ายผู้อื่น ฆ่าผู้อื่น ก็มาถึงผู้ชายคนหนึ่ง
"เอ้า เจ้าทำอะไรผิดล่ะ" ยมทูตที่ชื่อว่า ลุค (*-*) ได้ถามกับชายคนนั้น
"ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ"ชายคนนั้นยืนกราน นั่นทำให้ลุคงง
"แล้วเจ้าลงนรกมาได้ไง"
"ไม่รู้ครับ ผมเห็นคนๆนั้น ฆ่าคน"เขาชี้ไปที่คนหน้าเถื่อนๆคนหนึ่งที่เดินอยู่ แล้วเขาก็ชี้ไปเรื่อยๆพร้อมบอกความผิดที่คนๆนั้นทำ "คนนั้นข่มขืนผู้หญิงคนหนึ่ง คนนั้น..."
"จริง รึ"
"ใช่ครับ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย"
"ไม่ได้ทำอะไรเลย"ลุคพูดด้วยรอยยิ้มดีใจ"เจ้าเห็นแต่เจ้าไม่เข้าไปยุ่งเลยรึ"
"ใช่ครับ"ชายคนนั้นตอบอย่างงงๆ
"ดีใจด้วย"ลุคตรบมือให้พร้อมบอกต่อ"นรกที่สุดท้ายเป็นของเจ้าแล้ว"
เรื่องที่ผมแต่งขึ้นมานี้ มีข้อคิดคือ เราควรที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเวลาที่เขามีความลำบาก ไม่ควรเป็นคนเห็นแก่ตัว นั่นเอง

วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

วิเคราะห์การเรียน โดย -PiNg-

กลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่งนะครับ สำหรับในคราวนี้ ผมจะมาวิเคราะห์เกี่ยวกับการเรียนในโรงเรียน
การเรียนในโรงเรียนนี้นั้น ผมคิดว่า การที่เราจะเรียนในโรงเรียนได้อย่างมีความสุขและมีผลดีคือ ได้รับความรู้ในด้านต่างๆอย่างเต็มที่นั้น การที่เราเอาแต่จะตั้งใจเรียนอย่างเดียวนั้น ไม่เกิดผลดีเลย ผมคิดว่า การใช้ชีวิตในโรงเรียนให้คุ้มค่า และดี คือ เราจะต้องทำกิจกรรมต่างๆควบคู่ไปกับการเรียนด้วย เช่น การประกอบกิจกรรมชมรม เป็นต้น ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้เราเป็นคนดี มีนิสัยดี และรู้จักสิ่งต่างๆมากขึ้น โรงเรียนไม่ใช่ที่ๆให้แต่ความรู้ในด้านวิชาการเท่านั้น โรงเรียนยังให้สิ่งต่างๆอีกมากมาย เป็นที่ขัดเกลาความประพฤติ จริยธรรมต่างๆให้ดี เป็นคนดีของสังคม ซึ่งก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้ความรู้เช่นกัน
สำหรับบางคนนั้น อาจจะเห็นว่า บางวิชาเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ มีมาทำไม เช่น วิชาดนตรี ศิลปะ เป็นต้น เอาเวลาไปเรียนวิชาทางคณิตศาสตร์ หรือ วิทยาศาสตร์ดีกว่า ซึ่งผมขอบอกว่า มันเป็นความคิดที่ผิดมาก การที่เราเรียนวิชาพวกนี้ เช่น ศิลปะ หรือ ดนตรี มันจะทำให้เรามีสมาธิ และมีจิตใจดี ใจเย็น มั่นคง
สุดท้าย เราใช้เวลาอยู่ในโรงเรียนประมาณ 1 ใน 3 ของวันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น เราจึงควรทำอย่างไรก็ได้ให้เรามีความสุข สนุกในเวลาเรียน ไม่เครียดเกินไป แล้วการเรียนในโรงเรียนของคุณก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น

วิเคราะห์สถานการณ์เกมในประเทศไทย โดย -PiNg-


สวัสดีครับ ผม นาย -PiNg- จะมาวิเคราะห์สถานการณ์เกมในประเทศไทยกันนะครับ
ก่อนอื่นเริ่มจาก เกมคืออะไร
ในข้อนี้นั้น ผมคิดว่า เกมก็เป็นกีฬา ชนิดหนึ่งครับ ในต่างประเทศนั้นเช่น ประเทศจีน เกาหลี เขาถือว่าเกมเป็นกีฬาชนิดหนึ่งซึ่งผมก็คิดเช่นนั้น เพียงแต่เราไม่ต้องออกกำลังกายแต่เป็นการใช้ความคิดแทน ผมว่ามันก็เหมือนกับ พวกหมากกระดาน หรือ crossword ในต่างประเทศนั้น พวกโปรเกมเมอร์หรือ นักเล่นเกมของเขาดังพอๆกะดาราเลยนะ แต่ในประเทศของเรานั้น ผมคิดว่า ผู้ปกครองยังมองเกมผิดๆอยู่มาก การเล่นเกมนั้นให้ประโยชน์ในหลายๆด้าน ต่างจากที่ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ บางคนคิด เช่น การเล่นเกมทำให้ผมรู้ถึงคำศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่ๆมากมาย (จริงๆนะ) และก็ยังทำให้ผมรู้จัก คิด แก้ปัญหา และเป็นการฝึกสมาธิอีกด้วย แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น การที่เราจะเล่นเกมให้เกิดประโยชน์นั้น เราต้องรู้จักแบ่งเวลาให้ถูกต้อง ไม่ใช่วันๆเอาแต่เล่นเกม (เช่นผม) นอกจากนี้ การเล่นเกมก็มีข้อดีอีก คือ ทำให้เด็กไม่ไปเถลไถลที่ไหน ดีกว่าให้เด็กออกไปตามแหล่งมั่วสุมต่างๆ (พูดเหมือนลืมว่าเราก็เด็ก) การเล่นเกมนั้นมีข้อดีหลายอย่างแต่ทุกๆอย่างก็มีข้อเสียเช่นกัน คือ การเล่นเกมถ้าไม่ค่อยรู้จักรักษาเวลาก็อาจส่งผลกระทบในด้านลบได้ เช่น ทำให้ผลการเรียนตก (ไม่ต้องไปไหนไกล ผมเนี่ยแหละ) การที่เราจะทำบางสิ่งให้เกิดประโยชน์นั้น เราต้องทำมันอย่างพอดี ไม่มากเกินไป ตามหลัก ทางสายกลางที่พระพุทธเจ้า สั่งสอนไว้ ถ้าคุณทำได้ตามที่ผมบอก คุณก็จะสามารถเล่นเกมเพื่อผ่อนคลายสมอง และทำให้เกิดประโยชน์ได้แน่นอน

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

เนื้อเพลง Melodies of Life เพลงประกอบ Final FantasyIX

Alone for a while I've been searching through the dark
For traces of the love you left inside my lonely heart
To weave by picking up the pieces that remain
Melodies of life, love's lost refrain

Our paths they did cross, now I cannot say just why
We met, we laughed, we held on fast, and then we said goodbye
And who'll hear the echoes of stories never told
Let them ring out loud till they unfold

In my dearest memories, I see you reaching out to me
Though you're gone, I still believe that you can call out my name

* A voice from the past, joining yours and mine Adding up the layers of harmony And so it goes on and on Melodies of life, to the sky beyond the flying birds Forever and beyond (on)

So far and away, see the birds as it flies by
Gliding through the shadows of the clouds up in the sky
I've laid my memories and dreams upon those wings
Leave them now and see what tomorrow brings

In your dearest memories, do you remember loving me
Was it fate that brought us close and now leave me behind

[Repeat *]

If I should leave this lonely world behind
Your voice will still remember our melody
Now I know we'll carry on Melodies of life, come circle round and grow deep in our hearts As long as we remember

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2551


เพลง: แสงหนึ่งคือรุ้งงามเพลง

ประกอบนิทรรศการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในโอกาสเจริญพระชนมายุครบ ๘๔ พรรษาศิลปิน: นภ พรชำนิ
บรรเลงเพลง: โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร
คำร้อง: บอย โกสิยพงษ์ทำนอง: บอย โกสิยพงษ์เรียบเรียง: บอย โกสิยพงษ์
รู้ไหมว่าเราซาบซึ้งใจแค่ไหน และรู้ไหมว่าเรานั้น ปลาบปลื้มเท่าไหร่ ที่ได้มีเธอ เป็นพลังอันสำคัญ
เพราะว่าเรานั้นรู้เธอทำเพื่อใคร เหน็ดเหนื่อยแค่ไหน เธอไม่ไหวหวั่น เพื่อที่จะให้เรานั้นได้เดินต่อไป
แม้ว่าจะไม่มีใครมองเห็นเธอ แต่ว่าสำหรับเรานั้น...
** เธอเหมือนดังกับแสง ที่มองไม่เห็น แต่เมื่อส่องมาสะท้อน สิ่งที่ซ่อนเร้น ก็เด่นชัดขึ้นทันที เปรียบเธอกับแสง แม้ไม่มีสี แต่เธอก็สะท้อน ความจริงให้โลกนี้ ได้พบเห็นสิ่งดีๆ ว่างดงามเพียงใด
ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้ จะเป็นเช่นไร วันและคืนจะหมุนเปลี่ยนสักเท่าไหร่ เรานั้นก็แน่ใจ ว่าจะมีเธอยืนอยู่ข้างหลัง
แม้ว่าจะไม่มีใครมองเห็นเธอ แต่สำหรับเรานั้น...
(**)
จึงอยากขอมอบเพลง เพลงนี้ให้...ให้เธอรับรู้สำหรับเรานั้นเธอสำคัญเพียงไหน
เธอเป็นดั่งแสง ที่มองไม่เห็น แต่เมื่อส่องมาสะท้อน สิ่งที่ซ่อนเร้น ก็เด่นชัดขึ้นทันที เปรียบเธอกับแสง แม้ไม่มีสี แต่เธอก็สะท้อน ความจริงให้โลกนี้ ได้พบเห็นสิ่งดีๆ ว่างดงามเพียงใด
เธอได้สะท้อน ความจริงให้โลกนี้ ได้พบเห็นสิ่งดีๆ ว่างดงามเพียงใด..เพราะเธอมาสะท้อน ความจริงให้โลกนี้ จึงพบเห็นสิ่งดีๆ ว่างดงามเพียงใด..